ทุนพัฒนาบุคลากรภาครัฐ ศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ

ทุนพัฒนาบุคลากรภาครัฐ ศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ

                    1 ผู้ได้รับทุนจะต้องกลับมาปฏิบัติราชการในส่วนราชการ หรือปฏิบัติงานของทางราชการในกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กำหนด       เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของระยะเวลาที่ได้รับทุน

                    2      กรณีที่ผู้ได้รับทุนไม่เข้าปฏิบัติราชการ หรือปฏิบัติงานของทางราชการชดใช้ทุนตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นอกจากจะต้องชดใช้เงินทุนที่ได้จ่าย      ไปแล้วทั้งสิ้น ยังจะต้องชดใช้เงินอีก 2 เท่าของจำนวนเงินทุนดังกล่าวให้เป็นเบี้ยปรับอีกด้วย

                   1 ผู้มีสิทธิสมัครจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

                        1.1 เป็นผู้มีคุณสมบัติเฉพาะตามที่กำหนดไว้ในแต่ละทุนตามเอกสารแนบท้ายประกาศ

                        1.2 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการจัดสรรทุน ซึ่งปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับถึงวันที่ที่ลงนามในประกาศสำนักงาน ก.พ. และได้รับการเสนอชื่อจากหน่วยงานที่สังกัดให้สมัครเข้ารับทุน

                        1.3  ทุนศึกษาระดับปริญญาโท

                                 เป็นผู้ได้รับปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน และมีผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่ต่ำกว่า 2.75 (ในระบบการวัดผลที่คิดคะแนนให้ A=4, B=3, C=2, D=1, E หรือ F=0) หรือร้อยละ 70.00 หรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ และมีอายุไม่เกิน 40 ปี นับถึงวันที่ที่ลงนาม ในประกาศสำนักงาน ก.พ.  

                        1.4  ทุนศึกษาระดับปริญญาโท-เอก

                                 เป็นผู้ได้รับปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน และมีผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่ต่ำกว่า 2.75 (ในระบบการวัดผลที่คิดคะแนนให้ A=4, B=3, C=2, D=1, E หรือ F=0) หรือร้อยละ 70.00 หรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ และมีอายุไม่เกิน 35 ปี นับถึงวันที่ที่ลงนาม ในประกาศสำนักงาน ก.พ.  

                        1.5  ทุนศึกษาระดับปริญญาเอก

                                 เป็นผู้ได้รับปริญญาโท หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน และมีผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่ต่ำกว่า 3.50 (ในระบบการวัดผลที่คิดคะแนนให้ A=4, B=3, C=2, D=1, E หรือ F=0)  หรือร้อยละ 85.00 หรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ และมีอายุไม่เกิน 40 ปี นับถึงวันที่ที่ลงนาม ในประกาศสำนักงาน ก.พ.

                                 กรณีที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อมีผลการเรียนเฉลี่ยทุกภาคการศึกษาหรือตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ 3.1.3, 3.1.4 และ 3.1.5 คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขัน และคัดเลือกฯ ได้กำหนดให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่ต่ำกว่า 2.50 ส่วนผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่ต่ำกว่า 3.25 ทั้งนี้ ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องมีผลงานซึ่งแสดงว่ามีความสามารถที่จะศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นในสาขาวิชาที่ขอรับทุน 

                   2 ผู้ได้รับการเสนอชื่อ ซึ่งเป็นผู้รับทุนรัฐบาลและอยู่ระหว่างดำเนินการไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ ไม่มีสิทธิสมัคร

                   3 ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องมีผลการปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นอย่างดี โดยมีผู้บังคับบัญชารับรองผลงาน และการไปศึกษาต่อจะต้องเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน

                   4 ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องไม่เป็นนักศึกษาในระดับปริญญาเอกในประเทศ และถ้าผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนักศึกษาในระดับปริญญาโทในประเทศ และได้เริ่มทำวิทยานิพนธ์ไปแล้ว หากเป็นผู้มีสิทธิได้รับทุนต้องทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จก่อน จึงจะออกเดินทางไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศได้

                   5  ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องเป็นผู้ที่มีศีลธรรม วัฒนธรรมและความประพฤติดี

วิธีการสมัคร

                         1.1 ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรทุนเป็นผู้พิจารณาเสนอชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัด ที่สมควรเป็นผู้ได้รับทุนจำนวนทุนละ 1 คน ไปยังฝ่ายนักเรียนทุนรัฐบาลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 111 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 พร้อมส่งใบสมัคร เอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ของผู้ได้รับการเสนอชื่อ ภายในวันที่ กำหนด  เพื่อเสนอให้คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันและคัดเลือกฯ เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม หากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสม คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันและคัดเลือกฯ อาจจะพิจารณาให้หน่วยงานนั้นเสนอชื่อผู้เหมาะสมรายใหม่ได้

                         1.2  ให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อ กรอกข้อความในใบสมัครให้ถูกต้องครบถ้วนทางอินเทอร์เน็ต ในเว็บไซต์ของฝ่ายนักเรียนทุนรัฐบาลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติที่

                         1.3  พิมพ์ใบสมัครจากอินเทอร์เน็ต ลงลายมือชื่อในใบสมัครให้ครบถ้วน และนำไปยื่นกับหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรทุน เพื่อรวบรวมส่งพร้อมกับหลักฐานการสมัคร

                         1.4  การสมัครตามขั้นตอนข้างต้น ถือว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ลงลายมือชื่อ และรับรองความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น หากผู้ได้รับการเสนอชื่อจงใจกรอกข้อมูลอันเป็นเท็จ อาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

                          1.5 เอกสาร หลักฐานที่ต้องแนบมาพร้อมกับใบสมัครของผู้ได้รับการเสนอชื่อ

                                  1) ใบสมัครที่พิมพ์จากอินเทอร์เน็ต ติดรูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 X 1.5 นิ้ว ไม่สวมหมวก และไม่สวมแว่นตาดำ ถ่ายไว้ไม่เกิน 1 ปี และลงลายมือชื่อในใบสมัครให้ครบถ้วน

                                   2) สำเนาปริญญาบัตร หรือสำเนาหนังสือรับรองฉบับสภามหาวิทยาลัยอนุมัติ หรือสำเนาหนังสือรับรองคุณวุฒิ พร้อมทั้งสำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนตลอดหลักสูตร (Transcript of Records) ในระดับปริญญาตรี (สำหรับทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และโท-เอก) และในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท (สำหรับทุนศึกษาต่อระดับปริญญาเอก) จำนวนอย่างละ 1 ชุด

                                   3) หนังสือรับรอง จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ หนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชา 1 ฉบับ อาจารย์ที่เคยสอน 1 ฉบับ และอาจารย์ที่เคยควบคุมวิทยานิพนธ์หรือโครงงานพิเศษ (ถ้ามี) 1 ฉบับ โดยให้       ผู้รับรองลงนามปิดผนึกซองหนังสือรับรอง ทั้งนี้ หนังสือรับรองต้องระบุถึงความสามารถทางวิชาการ ศักยภาพ ในการศึกษาต่อ การทำวิจัย นิสัยการทำงาน ความประพฤติและมนุษยสัมพันธ์ของผู้ได้รับการเสนอชื่อ แบบฟอร์มหนังสือรับรองสามารถดาวน์โหลดได้ในเว็บไซต์ของฝ่ายนักเรียนทุนรัฐบาลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติที่

                                 4) หนังสือรับรองการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานของหน่วยงานในกำกับของรัฐ จากหัวหน้าส่วนราชการ     เจ้าสังกัดหรือหัวหน้าหน่วยงานเจ้าสังกัด จำนวน 1 ฉบับ

                                 5) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมี รูปถ่าย และเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักชัดเจน จำนวน 1 ฉบับ

                                 6) เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ใบสำคัญ การสมรส หนังสือรับรองผลการเรียน ผลการทดสอบภาษาอังกฤษ เป็นต้น

                        สำเนาเอกสารทุกฉบับให้เขียนรับรอง “สำเนาถูกต้อง” ลงชื่อ วันที่ กำกับไว้มุมล่างด้านขวาของสำเนาเอกสารทุกฉบับ และให้บรรจุเอกสารดังกล่าวใส่ในซองเอกสารขนาด A4 เขียนชื่อ-นามสกุล และหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรทุนไว้ที่หน้าซอง

                        1.6 ในการกรอกใบสมัคร ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องตรวจสอบและรับรองตนเอง
ว่ามีคุณสมบัติตรงตามประกาศรับสมัครคัดเลือกฯ จริง และต้องกรอกรายละเอียดต่าง ๆ ให้ถูกต้องครบถ้วน ตรงตามความเป็นจริง หากปรากฏภายหลังว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อรายใดมีคุณสมบัติไม่ตรงตามประกาศ รับสมัครคัดเลือกฯ หรือมีความผิดพลาดอันเกิดจากผู้ได้รับการเสนอชื่อ จะถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ ในการสมัครครั้งนี้มาตั้งแต่ต้น และในกรณีที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อกรอกรายละเอียดในใบสมัครเป็นเท็จ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงาน ก.พ. จะแจ้งให้ส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าสังกัด พิจารณาดำเนินการทางวินัยตามสมควรแก่กรณีต่อไป

                   2 วิธีการคัดเลือก จะใช้วิธีการประเมินความเหมาะสม โดยพิจารณาจากประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประวัติส่วนตัว หนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชา และอาจารย์ที่เคยสอน หรือควบคุมการวิจัยและอื่น ๆ ตามความเหมาะสม

                   3 ผู้มีสิทธิได้รับทุน จะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการประเมินความเหมาะสม โดยได้รับการพิจารณาว่าสมควรเป็นผู้ได้รับทุน

1 สำนักงาน ก.พ. จะแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันและคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนรัฐบาล ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่จัดสรรให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามความต้องการของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ

2 คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันและคัดเลือกฯ จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับทุน

มีสิทธิได้รับทุนจะต้องไปรายงานตัวและเข้ารับการอบรมตามที่สำนักงาน ก.พ. และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กำหนด

ผู้มีสิทธิได้รับทุนต้องไปรับการตรวจสุขภาพและอนามัยจากคณะกรรมการแพทย์ของ ก.พ.
ตามวัน เวลา และสถานที่ที่สำนักงาน ก.พ. กำหนด ผลการตรวจสุขภาพและอนามัยของคณะกรรมการแพทย์ของ ก.พ.   ให้ถือเป็นที่สุด ผู้เข้ารับการตรวจสุขภาพและอนามัยจะไม่มีสิทธิขอให้ทบทวนแต่ประการใด

ผู้มีสิทธิได้รับทุนต้องเข้าทดสอบภาษาอังกฤษตามที่สำนักงาน ก.พ. กำหนด

ผู้มีสิทธิได้รับทุนต้องทำสัญญาตามแบบสัญญาที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กำหนด ทั้งนี้ จะทำสัญญาได้ต่อเมื่อมีผลการตรวจสุขภาพและอนามัยจากคณะกรรมการแพทย์ของ ก.พ. ที่ระบุว่าพร้อมที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศได้

ผู้ได้รับทุนจะได้รับเงินทุน เมื่อทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว และได้รับค่าใช้จ่าย เช่น ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินไป-กลับ ค่าใช้จ่ายเตรียมตัวก่อนเดินทาง ค่าใช้จ่ายประจำเดือน ค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์การศึกษา และค่าคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

ได้รับทุนต้องสมัครเข้าเรียนในสถานศึกษาตามแนวการศึกษาที่ได้กำหนดไว้ และเมื่อสถานศึกษาตอบรับแล้ว จึงจะให้ผู้ได้รับทุนเดินทางไปศึกษา

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงาน ก.พ. จะพิจารณา เพิกถอนการให้ทุนแก่ผู้ได้รับทุน หากเข้ากรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้

  1. ไม่ผ่านการตรวจสุขภาพและอนามัยจากคณะกรรมการแพทย์ของ ก.พ.
  2. หลีกเลี่ยง ละเลยการรายงานตัว การอบรม และการทำสัญญาตามที่สำนักงาน ก.พ. และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กำหนด
  3. เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือไม่อยู่ในมาตรฐาน หรือไม่เหมาะสม หรือไม่ประพฤติตนตามแนวทางที่ ก.พ. กำหนด
  4. ขาดการติดต่อกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงาน ก.พ. เกิน 1 ปี
  5. มีผลการสอบภาษาอังกฤษ ตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
    1. ภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ที่ประกาศรายชื่อเป็นผู้มีสิทธิได้รับทุนมีผลการสอบภาษาอังกฤษ TOEFL ที่ได้คะแนนต่ำกว่า 79 คะแนน (Internet-based) หรือมีผลการทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS ที่ได้คะแนนต่ำกว่า 6.0 หรือ
    2. ผลการสอบภาษาอังกฤษไม่เป็นที่ยอมรับของสถานศึกษาที่จะไปศึกษาต่อ (ยกเว้น ทุนที่ไปศึกษาในสถาบันการศึกษาที่มิได้ใช้ผลการสอบภาษาอังกฤษในการตอบรับเข้าศึกษา)
  6. หลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงกำหนดการเดินทางไปศึกษาต่อ เมื่อสถานศึกษา ตอบรับแล้ว
  7. ไม่ได้รับการตอบรับเข้าศึกษาจากสถานศึกษาที่จะไปศึกษาต่อ ภายในระยะเวลา 2 ปี นับแต่วันประกาศรายชื่อเป็นผู้มีสิทธิได้รับทุน
  8. ผู้ได้รับทุนลาออก หรือถูกลงโทษให้ออก หรือย้ายจากส่วนราชการ/ หน่วยงานเจ้าสังกัด ที่ได้รับการจัดสรรทุน